รายงานสถาน...
Read Moreบทสรุปสำหรับผู้บริหาร
อิรักเป็นตลาดนำเข้าข้าวที่สำคัญและมีเสถียรภาพสำหรับประเทศไทย โดยในปี 2566 อิรักเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่เป็นอันดับสามของไทย และเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่อันดับสองของอิรักในกลุ่มข้าวขัดสีหรือข้าวกึ่งขัดสี รองจากอินเดีย ตลาดอิรักมีความต้องการข้าวจากต่างประเทศสูง เนื่องจากผลผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอและมีโครงการแจกจ่ายอาหารแก่ประชาชนโดยรัฐบาลที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก รายงานฉบับนี้ได้ระบุรายชื่อผู้ประกอบการนำเข้าข้าวและอาหารรายสำคัญในอิรัก พร้อมทั้งนำเสนอข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดนี้ โดยเน้นการส่งเสริมข้าวคุณภาพสูงและผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐของไทย
1.1 ภูมิทัศน์การส่งออกปัจจุบัน (มูลค่า ปริมาณ และแนวโน้ม)
ในปี 2566 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกข้าวรวม 5,147,342.77 พันดอลลาร์สหรัฐฯ และปริมาณ 8,769,040,000 กิโลกรัม 1 ในจำนวนนี้ อิรักเป็นตลาดที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับข้าวไทย โดยมีการนำเข้าข้าวขัดสีหรือข้าวกึ่งขัดสีจากไทยคิดเป็นมูลค่า 419,386.99 พันดอลลาร์สหรัฐฯ และปริมาณ 853,784,000 กิโลกรัมในปีเดียวกัน 1 ปริมาณการส่งออกนี้ทำให้อิรักเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่เป็นอันดับสามของไทยในปี 2566 3 นอกจากนี้ ประเทศไทยยังครองตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวขัดสีหรือข้าวกึ่งขัดสีรายใหญ่อันดับสองไปยังอิรัก รองจากอินเดีย 2
ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอิรักเป็นตลาดที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และเป็นตลาดที่มั่นคงสำหรับข้าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้าวประเภทหลัก เช่น ข้าวขัดสีหรือข้าวกึ่งขัดสี ปริมาณการค้าที่สูงและการจัดอันดับที่สม่ำเสมอในหมู่จุดหมายปลายทางการส่งออกอันดับต้นๆ ของไทย ยืนยันถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งและความต้องการข้าวไทยที่มีคุณภาพในตลาดอิรัก สิ่งนี้บ่งชี้ว่าผู้ส่งออกไทยมีรากฐานที่มั่นคงและผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับในอิรัก ซึ่งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต
ตารางที่ 1: การส่งออกข้าวไทยไปยังอิรัก (พ.ศ. 2566)
รายการ | มูลค่า (พันดอลลาร์สหรัฐฯ) | ปริมาณ (กิโลกรัม) | อันดับตลาดส่งออกข้าวของไทย |
ข้าวขัดสีหรือข้าวกึ่งขัดสี (รวม) | 419,386.99 2 | 853,784,000 2 | 3 3 |
ตารางนี้ให้ข้อมูลเชิงปริมาณโดยตรงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและอิรักในด้านข้าว ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์หลักของรายงาน การนำเสนอข้อมูลมูลค่า ปริมาณ และอันดับตลาด ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถทำความเข้าใจขนาดและความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของตลาดนี้ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด การวางตำแหน่งการแข่งขัน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความพยายามในการส่งเสริมการค้าในอนาคต
1.2 บริบททางประวัติศาสตร์และการวางตำแหน่งทางการตลาด
ในอดีต อิรักเคยมีคำสั่งห้ามผู้นำเข้าเอกชนนำเข้าข้าวจากประเทศไทย เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพ อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแล้ว 4 การยกเลิกคำสั่งห้ามนี้ถือเป็นการพัฒนาเชิงบวกที่สำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าข้อกังวลด้านคุณภาพในอดีตได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ หรือรัฐบาลอิรักได้ประเมินจุดยืนของตนใหม่ การดำเนินการนี้ตอกย้ำการรับรู้เชิงบวกโดยรวมเกี่ยวกับคุณภาพของ “สินค้าไทย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอาหาร 5 ซึ่งเป็นการฟื้นฟูเส้นทางที่ชัดเจนและมั่นใจยิ่งขึ้นสำหรับข้าวไทยเข้าสู่ตลาดอิรัก สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความไว้วางใจและรับรองการไหลเวียนของการค้าที่ราบรื่น
ข้าวหอมมะลิไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากลในด้านคุณภาพสูงและชื่อเสียงที่แข็งแกร่งในตลาดโลก 3 โดยทั่วไปแล้ว ฉลาก “สินค้าไทย” ได้รับการยอมรับอย่างดีในด้านคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอาหาร 5 การที่คำสั่งห้ามซึ่งมีสาเหตุมาจากความกังวลด้านคุณภาพถูกยกเลิกไป ประกอบกับชื่อเสียงด้านคุณภาพที่แข็งแกร่งของข้าวไทยในตลาดโลก แสดงให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาที่ประสบความสำเร็จ หรือการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ไทย สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดการลดอุปสรรคทางการตลาด ความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น และตำแหน่งการแข่งขันที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับข้าวไทยในอิรัก
1.3 ความพยายามในการส่งเสริมการค้าและแนวโน้มตลาดของไทย
แม้ว่าการส่งออกข้าวของไทยจะทำได้ดีในปี 2566 ด้วยปริมาณการส่งออกที่สูงถึง 9.95 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดในรอบ 6 ปี แต่ไตรมาสแรกของปี 2568 กลับมีปริมาณการส่งออกลดลงอย่างเห็นได้ชัดถึง 27.99% เมื่อเทียบกับปีต่อปี 6 ความท้าทายหลักที่ส่งผลให้เกิดการลดลงนี้ ได้แก่ ปริมาณสินค้าคงคลังส่วนเกินในประเทศคู่ค้าหลัก การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดโลก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย) และการปรับอัตราภาษีที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของทรัมป์ 6
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ กระทรวงพาณิชย์ของไทย (กรมการค้าต่างประเทศ หรือ DFT) กำลังดำเนินกลยุทธ์เชิงรุก ซึ่งรวมถึงการปรับการผลิตข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด การสนับสนุนการพัฒนาและการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีมูลค่าเพิ่ม (เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวสังข์หยด ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าวหอมมะลิอินทรีย์สีดำ) และการลดการพึ่งพาการส่งออกข้าวเปลือก 6
นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศยังจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการส่งออกข้าว รวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเกษตรและอาหารระดับนานาชาติที่สำคัญ และการเพิ่มความถี่ในการเจรจาทางการค้า ทั้งกับภาครัฐและเอกชน หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญคือการจัดงาน Thailand Rice Convention 2025 (TRC 2025) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างแบรนด์และขยายโอกาสทางการค้าในตลาดหลัก โดยระบุอย่างชัดเจนว่าอิรักเป็นตลาดเป้าหมายสำหรับทั้งข้าวขาวและข้าวเหนียว 6
ปริมาณการส่งออกที่ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดข้าวโลก การที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมข้าวพรีเมียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ควบคู่ไปกับการดำเนินงานส่งเสริมการค้าที่นำโดยภาครัฐ (เช่น TRC 2025 ที่มุ่งเป้าไปที่อิรักโดยเฉพาะ) แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่มองไปข้างหน้าเพื่อสร้างรายได้ที่สูงขึ้นและสร้างความแตกต่างให้กับข้าวไทยนอกเหนือจากการแข่งขันด้านปริมาณเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้เปิดโอกาสที่ชัดเจนสำหรับผู้ส่งออกไทยในการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับโครงการระดับชาติ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มตลาดระดับบนในอิรัก ซึ่งข้าวไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพอยู่แล้ว และใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนของรัฐบาลเพื่อเจาะตลาด
2.1 การผลิตและการบริโภคภายในประเทศ
การผลิตข้าวภายในประเทศของอิรักมีจำกัดและไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ นอกจากนี้ ผลผลิตในท้องถิ่นมักจำกัดอยู่เฉพาะข้าวบางประเภท ทำให้จำเป็นต้องมีการนำเข้าจำนวนมากเพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศ 8 กระทรวงการค้าของอิรัก (MoT) มีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงทางอาหารของประเทศ โดยดำเนินโครงการแจกจ่ายอาหารแก่ประชาชนรายเดือน ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าธัญพืช รวมถึงข้าวเป็นอย่างมาก 9
การรวมกันของผลผลิตข้าวภายในประเทศที่ไม่เพียงพอ อัตราการบริโภคที่สูงอย่างต่อเนื่อง และโครงการแจกจ่ายอาหารที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล สร้างความต้องการข้าวที่นำเข้าอย่างเป็นพื้นฐานและยั่งยืนในอิรัก สิ่งนี้บ่งชี้ถึงความต้องการของตลาดที่มีโครงสร้างระยะยาว ทำให้อิรักเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดและมีเสถียรภาพสำหรับผู้ส่งออกข้าวระหว่างประเทศ ความต้องการนี้ไม่ใช่เพียงแค่เชิงพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของสวัสดิการสาธารณะ ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการนำเข้าที่มั่นคงและคาดการณ์ได้
2.2 ภาพรวมการนำเข้าข้าวของอิรัก (ซัพพลายเออร์หลักทั่วโลก)
ในปี 2566 อิรักเป็นผู้เล่นหลักในการนำเข้าข้าวทั่วโลก โดยนำเข้าข้าวรวมมูลค่า 1.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้อิรักเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก 10 ผู้ส่งออกข้าวขัดสีหรือข้าวกึ่งขัดสีรายใหญ่ที่สุดไปยังอิรักในปี 2566 ได้แก่:
การวิเคราะห์ข้อมูลการค้าอย่างละเอียดเผยให้เห็นพลวัตการแข่งขันที่แตกต่างกัน ในขณะที่ประเทศไทยเป็นผู้จัดหาปริมาณข้าวรายใหญ่ให้กับอิรัก อินเดียกลับครองตลาดอย่างมีนัยสำคัญในแง่ของมูลค่า สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าข้าวอินเดียโดยเฉลี่ยมีราคาสูงกว่าต่อกิโลกรัมมาก (ประมาณ 1.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ/กิโลกรัมสำหรับอินเดีย เทียบกับ 0.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ/กิโลกรัมสำหรับไทย ซึ่งคำนวณจากข้อมูล 2) ความแตกต่างนี้บ่งบอกถึงกลุ่มตลาดหรือความชอบด้านคุณภาพที่แตกต่างกันสำหรับข้าวจากแหล่งกำเนิดต่างๆ (เช่น ข้าวบาสมาติพรีเมียมจากอินเดีย เทียบกับข้าวขาวราคาแข่งขันจากไทย) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทยในการสร้างความแตกต่างตามคุณภาพหรือกำหนดเป้าหมายข้าวสายพันธุ์เฉพาะ
3.1 บริษัทนำเข้าข้าวชั้นนำ
รายงานระบุบริษัทนำเข้าข้าวเปลือกชั้นนำ 10 อันดับแรกในอิรัก โดยพิจารณาจากรายได้ประมาณการจากการนำเข้าข้าวเปลือก 11 บริษัทเหล่านี้เป็นผู้เล่นสำคัญในภาคการนำเข้าข้าวของอิรัก และเป็นผู้มีโอกาสเป็นพันธมิตรโดยตรงสำหรับผู้ส่งออกไทย รายได้ที่รายงานบ่งชี้ถึงกิจกรรมทางการตลาดที่สำคัญ:
3.2 บริษัทที่มีส่วนร่วมในการนำเข้าอาหารและธัญพืช
นอกจากบริษัทนำเข้าข้าวเปลือกโดยตรงแล้ว ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่มีส่วนร่วมในการนำเข้าอาหารและธัญพืชในอิรัก ซึ่งอาจเป็นช่องทางสำหรับข้าวไทยได้:
3.3 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้าว
หน่วยงานภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและดำเนินการนำเข้าข้าวในอิรัก:
4.1 บทบาทของหน่วยงานส่งเสริมการค้า
หน่วยงานส่งเสริมการค้ามีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกทางการค้า:
4.2 การเข้าถึงผู้ประกอบการนำเข้าโดยตรง
การระบุและการเข้าถึงผู้ประกอบการนำเข้าโดยตรงเป็นสิ่งสำคัญ:
การเข้าถึงโดยตรงจำเป็นต้องระบุบริษัทที่เฉพาะเจาะจงและใช้แพลตฟอร์มที่ให้รายละเอียดการติดต่อหรือบันทึกการขนส่ง การให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีกิจกรรมการนำเข้าข้าวที่ทราบหรือมีธุรกิจอาหารที่หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญ
4.3 ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ส่งออกข้าวไทย
เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายการส่งออกข้าวไทยไปยังอิรัก ผู้ส่งออกควรพิจารณาข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์ดังต่อไปนี้:
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
อิรักเป็นตลาดที่สำคัญและมีเสถียรภาพสำหรับข้าวไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการภายในประเทศที่สูงและโครงการแจกจ่ายอาหารของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะจากอินเดียที่ครองส่วนแบ่งมูลค่าตลาดข้าวพรีเมียม
เพื่อรักษาและขยายส่วนแบ่งตลาด ผู้ส่งออกข้าวไทยควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมข้าวคุณภาพสูงและผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม โดยใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงด้านคุณภาพของข้าวไทยและฉลาก “สินค้าไทย” การเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เช่น TRC 2025 จะช่วยเสริมสร้างแบรนด์และเปิดโอกาสทางการค้าใหม่ๆ นอกจากนี้ การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนกับผู้ประกอบการนำเข้าหลักในอิรัก และการทำความเข้าใจความต้องการของตลาดในแต่ละส่วน จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาวในตลาดที่มีศักยภาพแห่งนี้
© Copyright FiFFle international 2023